Gateway
Gateway is a hardware device that connects different types of networks together, such asThe use of gateways to connect networks. A PC type computer (PC).To a Macintosh computer types (MAC) and so on.
Gateway (เกตเวย์) เป็นอุปกรณ์อาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างประเภทเข้าด้วยกัน เช่น การใช้เกตเวย์ในการเชื่อมต่อเครือข่าย ที่เป็นคอมพิวเตอร์ประเภทพีซี (PC) เข้ากับคอมพิวเตอร์ประเภทแมคอินทอช (MAC) เป็นต้น
Modulation
Modulation is the process where a Radio Frequency or Light Wave's amplitude, frequency, or phase is changed in order to transmit intelligence. The characteristics of the carrier wave are instantaneously varied by another "modulating" waveform.
Modulation (โมดูเลชั่น) คือการผสมสัญญาณข้อมูลเข้ากับสัญญาณความถี่สูง เช่น คลื่นวิทยุ ทำให้เดินทางได้ไกลขึ้น และป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลถูกรบกวน
Modulation (โมดูเลชั่น) คือการผสมสัญญาณข้อมูลเข้ากับสัญญาณความถี่สูง เช่น คลื่นวิทยุ ทำให้เดินทางได้ไกลขึ้น และป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลถูกรบกวน
Skype คืออะไร
เป็น Software สำหรับใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากบริการคุยโทรศัพท์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตแล้วยังมีบริการ ส่งไฟล์ข้อมูล Chat ประชุมพร้อมกัน 5 คน และอื่นๆอีกมาก แต่จุดประสงค์ที่แนะนำเพื่อให้ใช้ในการติดต่อโทรศัพท์ทางไกลแบบไม่เสียเงิน (เสียแต่ค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ต หรือค่าโทรศัพท์ 3 บาทเท่านั้น) เป็นโปรแกรมของประเทศอเมริกา จึงมีแต่ภาษาอังกฤษ แต่ใช้งานง่าย ดีกว่า Windows Messenger และส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้เร็วกว่า e-mail
เป็น Software สำหรับใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต นอกจากบริการคุยโทรศัพท์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตแล้วยังมีบริการ ส่งไฟล์ข้อมูล Chat ประชุมพร้อมกัน 5 คน และอื่นๆอีกมาก แต่จุดประสงค์ที่แนะนำเพื่อให้ใช้ในการติดต่อโทรศัพท์ทางไกลแบบไม่เสียเงิน (เสียแต่ค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ต หรือค่าโทรศัพท์ 3 บาทเท่านั้น) เป็นโปรแกรมของประเทศอเมริกา จึงมีแต่ภาษาอังกฤษ แต่ใช้งานง่าย ดีกว่า Windows Messenger และส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้เร็วกว่า e-mail
Topology คืออะไร
Topology คือลักษณะทางกายภาพ (ภายนอก) ของระบบเครือข่าย ซึ่งหมายถึง ลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในเครือข่ายด้วยกันนั่นเอง โทโปโลยีของเครือข่าย LAN แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งาน แตกต่างกันออกไป การนำไปใช้จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องทำการศึกษาลักษณะและคุณสมบัติ ข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบ เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบพิจารณาเครือข่าย ให้เหมาะสมกับการใช้งาน รูปแบบของโทโปโลยี ของเครือข่ายหลัก
อุปกรณ์เครือข่าย (Network Devices)
PoE (Power over Ethernet) Adapter
เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับแก้ไขข้อยุ่งยากในการเดินสายไฟฟ้าเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ไร้สาย โดยหันมาใช้วิธีการจ่ายไฟผ่านสายนำสัญญาณ UTP ที่ยังมีคู่สายที่ยังไม่ถูกนำมาใช้งานมาทำหน้าที่แทน ซึ่งอุปกรณ์ PoE Adapter จะมี 2 ส่วน คือ Power Injector เป็นอุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าและนำสัญญาณข้อมูลจาก Switch Hub เข้าไปสายนำสัญญาณสู่อุปกรณ์ไร้สายอย่าง Access Point และอีกอุปกรณ์เป็น Spliter ที่ใช้แยกสัญญาณข้อมูลและไฟฟ้าให้กับ Access Point ผู้ผลิตหลายรายในปัจจุบันออกแบบให้ Switch สนับสนุนมาตรฐาน IEEE 802.3af (PoE) มาพร้อมด้วย
เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับแก้ไขข้อยุ่งยากในการเดินสายไฟฟ้าเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ไร้สาย โดยหันมาใช้วิธีการจ่ายไฟผ่านสายนำสัญญาณ UTP ที่ยังมีคู่สายที่ยังไม่ถูกนำมาใช้งานมาทำหน้าที่แทน ซึ่งอุปกรณ์ PoE Adapter จะมี 2 ส่วน คือ Power Injector เป็นอุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้าและนำสัญญาณข้อมูลจาก Switch Hub เข้าไปสายนำสัญญาณสู่อุปกรณ์ไร้สายอย่าง Access Point และอีกอุปกรณ์เป็น Spliter ที่ใช้แยกสัญญาณข้อมูลและไฟฟ้าให้กับ Access Point ผู้ผลิตหลายรายในปัจจุบันออกแบบให้ Switch สนับสนุนมาตรฐาน IEEE 802.3af (PoE) มาพร้อมด้วย
IEEE 802.3 (Ethernet)
-ได้ปฏิวัติความต้องการในการเพิ่มปริมาณของ Packet ข้อมูลในเครือข่าย
- ลดต้นทุนการรับส่งข้อมูล
- ความน่าเชื่อถือ
- การติดตั้งบำรุงรักษา ทำได้สะดวก
- เริ่มต้นทำงานที่ 10 Mbps (มีชื่อว่า Ethernet)
- ความเร็วระดับ 100 Mbps (มีชื่อว่า Fast Ethernet)
- ระดับ 1 Gbps (มีชื่อว่า Gigabit Ethernet)
- ปัจจุบัน 10 Gbps (มีชื่อว่า 10 Gigabit Ethernet หรือ 10 GbE) กำลังจะเข้ามาในเครือข่ายของ Ethernet และชั้น Data Link
- เป็นข้อกำหนดด้านรูปแบบของเฟรมข้อมูล (Frame) ใช้ Access Method แบบ CSMA/CD และใช้Topology แบบ Bus , Star และ Ring
- IEEE ก็ได้ประกาศรับรองมาตรฐานของ Ethernet ไว้ในมาตรฐาน IEEE 802 ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักที่เกี่ยวกับรูปแบบของการใช้งานและข้อมูลต่างๆ เช่น 10Base510 หมายถึงความเร็ว 10 MbpsBase หมายถึง Baseband (“Broad” คือ Broadband)5 หมายถึงระยะไกลสุดที่สามารถเชื่อมต่อ ในที่นี้คือ 500 เมตร T หมายถึง ใช้สาย Twisted Pair และ “F” หมายถึง Fiber
- มาตรฐาน IEEE 802.3u ซึ่งได้ขยายครอบคลุมความเร็วระดับ 100 Mbps (Fast Ethernet) ประกอบด้วย100BaseTX เป็นการใช้สาย UTP Category 5 เชื่อมต่อได้ไกล 100 เมตร/Segment100BaseFX เป็นการใช้สาย Fiber Optic เชื่อมต่อได้ไกลถึง 412 เมตร/Segment
- ร่างมาตรฐาน 802.3z หรือ Gigabit Ethernet โดยจะทำการขยายความเร็วในการเชื่อมต่อขึ้นไปถึง 1000 Mbps (1 Gigabit/Second)
-ได้ปฏิวัติความต้องการในการเพิ่มปริมาณของ Packet ข้อมูลในเครือข่าย
- ลดต้นทุนการรับส่งข้อมูล
- ความน่าเชื่อถือ
- การติดตั้งบำรุงรักษา ทำได้สะดวก
- เริ่มต้นทำงานที่ 10 Mbps (มีชื่อว่า Ethernet)
- ความเร็วระดับ 100 Mbps (มีชื่อว่า Fast Ethernet)
- ระดับ 1 Gbps (มีชื่อว่า Gigabit Ethernet)
- ปัจจุบัน 10 Gbps (มีชื่อว่า 10 Gigabit Ethernet หรือ 10 GbE) กำลังจะเข้ามาในเครือข่ายของ Ethernet และชั้น Data Link
- เป็นข้อกำหนดด้านรูปแบบของเฟรมข้อมูล (Frame) ใช้ Access Method แบบ CSMA/CD และใช้Topology แบบ Bus , Star และ Ring
- IEEE ก็ได้ประกาศรับรองมาตรฐานของ Ethernet ไว้ในมาตรฐาน IEEE 802 ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักที่เกี่ยวกับรูปแบบของการใช้งานและข้อมูลต่างๆ เช่น 10Base510 หมายถึงความเร็ว 10 MbpsBase หมายถึง Baseband (“Broad” คือ Broadband)5 หมายถึงระยะไกลสุดที่สามารถเชื่อมต่อ ในที่นี้คือ 500 เมตร T หมายถึง ใช้สาย Twisted Pair และ “F” หมายถึง Fiber
- มาตรฐาน IEEE 802.3u ซึ่งได้ขยายครอบคลุมความเร็วระดับ 100 Mbps (Fast Ethernet) ประกอบด้วย100BaseTX เป็นการใช้สาย UTP Category 5 เชื่อมต่อได้ไกล 100 เมตร/Segment100BaseFX เป็นการใช้สาย Fiber Optic เชื่อมต่อได้ไกลถึง 412 เมตร/Segment
- ร่างมาตรฐาน 802.3z หรือ Gigabit Ethernet โดยจะทำการขยายความเร็วในการเชื่อมต่อขึ้นไปถึง 1000 Mbps (1 Gigabit/Second)
มาตรฐาน IEEE 802.5
เป็นมาตรฐานโปรโตคอลแบบ Token Passing ของเครือข่าย LAN แบบ Token – Ring สายสื่อสารมาตรฐาน IEEE 802.5 คือ สายเกลียวคู่แบบมีชีลด์ซึ่งมี 2 อัตราเร็วของการส่งข้อมูลคือ 1 และ 4 Mbps สำหรับเครือข่าย LAN แบบ Token – Ring และยังมีอีกหนึ่งมาตรฐานที่ใช้ร่วมกันคือมาตรฐานของ IBM ซึ่งมีสายสื่อสารให้เลือก 2 แบบ คือ สายเกลียวคู่แบบไม่มีชีลด์ อัตราเร็ว 1 และ 4 Mbps และสายเกลียวคู่แบบมีชีลด์ อัตราเร็ว 16 Mbps
มาตรฐานเครือข่ายไร้สาย IEEE 802.11
เครือข่ายไร้สายมาตรฐาน IEEE 805.11 ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยสถาบัน IEEE (The Institute of Electronics and Electrical Engineers) ซึ่งมีข้อกำหนดระบุไว้ว่าผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สายในส่วนของ PHY Layer นั้นมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่ความเร็ว 1,2,5.5,11 และ 54 เมกะบิตต่อวินาที โดยมีสื่อนำสัญญาณ 3 ประเภทให้เลือกใช้งานอันได้แก่ คลื่นวิทยุย่านความถี่ 2.4 กิกะเฮิรตซ์, 2.5 กิกะเฮิรตซ์และคลื่นอินฟาเรด ส่วนในระดับชั้น MAC Layer นั้นได้กำหนดกลไกของการทำงานแบบ CSMA/CA (Carrier Sense Multiple Access/Collision Avoidance) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ CSMA/CD (Collision Detection) ของมาตรฐาน IEEE 802.3 Ethernet ซึ่งนิยมใช้งานบนระบบเครือข่ายแลนใช้สาย โดยมีกลไกในการเข้ารหัสข้อมูลก่อนแพร่กระจายสัญญาณไปบนอากาศ พร้อมกับมีการตรวจสอบผู้ใช้งานอีกด้วย
IEEE 802.11a
เป็นมาตรฐานที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยใช้เทคโนโลยี OFDM (Orthogonal Frequency Division Multiplexing) เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ไร้สายมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยอัตราความเร็วสูงสุด 54 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้คลื่นวิทยุย่านความถี่ 5 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานโดยทั่วไปในประเทศไทย เนื่องจากสงวนไว้สำหรับกิจการทางด้านดาวเทียม ข้อเสียของผลิตภัณฑ์มาตรฐาน IEEE 802.11a ก็คือมีรัศมีการใช้งานในระยะสั้นและมีราคาแพง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ไร้สายมาตรฐาน IEEE 802.11a จึงได้รับความนิยมน้อย
IEEE 802.11b
เป็นมาตรฐานที่ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่ออกมาพร้อมกับมาตรฐาน IEEE 802.11a เมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมในการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11b ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า CCK (Complimentary Code Keying) ร่วมกับเทคโนโลยี DSSS (Direct Sequence Spread Spectrum) เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยอัตราความเร็วสูงสุดที่ 11 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้คลื่นสัญญาณวิทยุย่านความถี่ 2.4 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นย่านความถี่ที่อนุญาตให้ใช้งานในแบบสาธารณะทางด้านวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม และการแพทย์ โดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ความถี่ย่านนี้มีชนิด ทั้งผลิตภัณฑ์ที่รองรับเทคโนโลยี Bluetooth, โทรศัพท์ไร้สายและเตาไมโครเวฟ จึงทำให้การใช้งานนั้นมีปัญหาในเรื่องของสัญญาณรบกวนของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ข้อดีของมาตรฐาน IEEE 802.11b ก็คือ สนับสนุนการใช้งานเป็นบริเวณกว้างกว่ามาตรฐาน IEEE 802.11a ผลิตภัณฑ์มาตรฐาน IEEE 802.11b เป็นที่รู้จักในเครื่องหมายการค้า Wi – Fi ซึ่งกำหนดขึ้นโดย WECA (Wireless Ethernet Compatability Alliance) โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเครื่องหมาย Wi – Fi ได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของมาตรฐาน IEEE 802.11b ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันกับผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตรายอื่น ๆ ได้
IEEE 802.11g
เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้งานกันมากในปัจจุบันและได้เข้ามาทดแทนผลิตภัณฑ์ที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11b เนื่องจากสนับสนุนอัตราความเร็วของการรับส่งข้อมูลในระดับ 54 เมกะบิตต่อวินาที โดยใช้เทคโนโลยี OFDM บนคลื่นสัญญาณวิทยุย่านความถี่ 2.4 กิกะเฮิรตซ์ และให้รัศมีการทำงานที่มากกว่า IEEE 802.11a พร้อมความสามารถในการใช้งานร่วมกันกับมาตรฐาน IEEE 802.11b ได้ (Backward - Compatible)
IEEE 802.11n
เป็นมาตรฐานของผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สายที่คาดหมายกันว่า จะเข้ามาแทนที่มาตรฐาน IEEE 802.11a, IEEE 802.11b และ IEEE 802.11g ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน โดยให้อัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลในระดับ 100 เมกะบิตต่อวินาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น